วิธีการจองตั๋วเครื่องบินให้ได้ราคาโดนๆ

วิธีการจองตั๋วเครื่องบินให้ได้ราคาโดนๆ 

วิธีที่จะมานำเสนอในที่นี้เป็นวิธีที่เราใช้ แล้วมันได้ผล ก็เลยอยากจะแบ่งปันให้คนที่ชอบหาตั๋วโปรถูกๆ เหมือนกัน ถ้าใครมีวิธีอื่นๆ ที่ได้ถูกกว่า ดีกว่านี้ มาแบ่งปันกันได้นะคะ (ในบล๊อคนี้ไม่ได้รวมถึงโปร 0 บาทนะคะ)

ก่อนอื่นเริ่มจาก

1. เลือกสถานที่ที่อยากจะไป เวลาอยากไปที่ไหน เชื่อมั้ย เราจะดั้นด้นค้นหาตั๋วถูกมาจนได้แหละ สำคัญคือ สถานที่นั้นๆ ก็จะมีช่วงพีค หรือ high season ของมัน แน่นอนว่า ราคาตั๋วจะแพงเว่อร์แบบไม่ต้องสงสัย แต่เดี๋ยวก่อน จากประสบการณ์อันน้อยนิด ก็เคยได้ราคางามๆ อยู่เหมือนกันนา

Tip : การจองล่วงหน้านานๆ ก็มีส่วนช่วยเรามาหลายต่อหลายครั้ง

2. เมื่อได้สถานที่แล้ว เลือกช่วงเวลาที่พร้อมจะลางาน เอ้ยยย… เดินทางสิ อันนี้สำคัญ ถ้าทริปนั้นเดินทางคนเดียวเปลี่ยวๆ การจองตั๋วจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป แต่ถ้าไปเป็นกลุ่มเป็นก้อนนี่สิ การจัดวันให้ตรงกันจะกลายเป็นความยากระดับ 10 ขึ้นมาเลย จริงมั้ย?

Tip : ควรตกลงกับผู้ร่วมทริป เรื่องจำนวนวันที่จะไป ช่วงวันที่เป็นไปได้ให้ได้ซัก 3 ช่วง เผื่อว่าช่วงไหนแพงไป หรือที่เต็มก็ยังมีตัวสำรอง แล้วอย่าลืมพิมพ์รายละเอียดของผู้ร่วมเดินทางเตรียมไว้เลย เมื่อเจอตั๋วถูกใจจะได้ไม่เสียเวลาถามกันให้วุ่นวาย ทั้งชื่อ-นามสกุล วันเดือนปีเกิด เลขบัตรประชาชน/เลขพาสปอร์ต เลขสมาชิกสะสมไมล์ เหล่านี้เป็นต้น

(เดี๋ยวเราค่อยมาว่ากันในเรื่องของการคัดหาผู้ร่วมเดินทาง)

3. วันเวลาพร้อม สถานที่พร้อม คนพร้อม เราก็มาเข้าเรื่องหาตั๋วราคาโดนๆกันเถอะ

การจองตั๋วเครื่องบินนั้น สามารถจองได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะ จองผ่านเอเจนซี่บริษัทรับจองตั๋ว จองด้วยตัวเองผ่านเวบไซต์ของสายการบินโดยตรง จองผ่านแอพพลิเคชั่น เป็นต้น

(Credit : รูปสายการบินต่างๆจากเวบ http://www.traveloka.com)

แล้วเราจะรู้ได้ไงล่ะว่าราคาตั๋วที่เรากำลังจะจองนั้น ถูกที่สุด

ง่ายๆ เลย ไม่มีอะไรใช่จนกว่าเราจะเช็ค แล้วจะเช็คจากที่ไหน เช็คยังไง?

ตอนนี้เลยนะ เราใช้อยู่สองวิธี

1. เช็คราคาเบื้องต้นผ่านแอพพลิเคชั่น จะขอเรียกสั้นๆว่าแอพฯ นะคะ
   แอพฯ ที่เราใช้เช็คราคาในเบื้องต้น ที่ใช้บ่อยๆ มีอยู่ 2 แอพฯ คือ Traveloka กับ Skyscanner เราใช้ทั้งสองแอพฯเลย เพื่อดูว่าแอพฯไหนถูกกว่ากันก็จองผ่านแอพฯนั้น จะโหลดแอพฯ ลงมือถือหรือจะเช็คผ่านเวบไซต์ก็ตามสะดวกเลยค่ะ

   

2. ตอนนี้ยังมีอีกตัวช่วยที่เราใช้ และมันก็ช่วยให้เจอตั๋วโปรถูกๆ จริงๆ บางทีถูกไม่พอยังได้ที่พักแสนเก๋ด้วย เคยเห็นโปรตั๋วถูกๆ จาก Facebook fanpage ที่เราไปกด Like กันไว้มั้ยคะ มีเยอะมาก พี่ช้างเอย ปันโปรเอย ติดตามโลด

ทั้งสองวิธีช่วยให้เราเจอตั๋วโปรราคาโดนๆ มานักต่อนัก จนไม่รู้จะขอบคุณยังไงดี 🙂

Tip : ตอนเช็ค อย่าลืมดูเวลาออกเดินทางนะคะ เวลาได้มั้ยถึงดึกไปมั้ย มีต้องเปลี่ยนเครื่องมั้ย ถ้ามีเปลี่ยนเครื่องเผื่อเวลาดีๆนะคะ บางทีเจอถูกมาก เส้นกระตุกกดจองไปแล้วลืมดูเวลาเปลี่ยนไม่ทันตกเครื่อง ต้องซื้อตั๋วใหม่แพงกว่าเดิม เสียชื่อนักกดตั๋วในตำนานเลย

สุดท้ายเลย ถ้าเจอตั๋วถูกแล้ว ก็ทำการจองเลย อย่าช้า รีรอ เช็คไปมา เราเตรียมทุกอย่างมาพร้อมแล้ว อย่านอยด์ เดี๋ยวราคาขึ้นไม่รู้ด้วยนะคะ ยังไงก็ขอให้สนุกกับทริปตั๋วถูก เอาเงินที่เหลือไปหาอร่อยอร่อยทาน หรือเก็บไว้ช้อปปิ้งกันให้สนุกนะคะ

When in .. Venice

ตังค์นิดเดียว ก็เที่ยวได้ >>> When in .. Venice

เมษายน อากาศที่ร้อนแรงของเมืองไทย ทำให้เราและครอบครัวถึงกับทนไม่ได้ จึงต้องไปคลายร้อนกันที่ยุโรป

เหรอ?? ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่เหตุผลจริงๆ ซะหน่อย พวกเราไปเยี่ยมน้องเก๊ะ น้องสาวสุดสวยที่ไปเรียนป.โทไกลถึงสวีเดน บางทีก็สงสัย ไปไกลถึงโน่น ใกล้กว่านั้นได้มั้ยเนี่ย พี่เพลีย

พ่อกับแม่คิดถึงน้องมาก ทนไม่ไหวจะไปเยี่ยม แต่จะไปกันสองคนก็กลัวหลง เพราะพูดอังกฤษก็ไม่ค่อยจะได้ สวีดิชนี่ไม่ต้องพูดถึง จึงจำเป็นต้องหอบหิ้วเราไปด้วย แต่บอกกระทันหันใครจะไปเก็บเงินเที่ยวทันล่ะคะ ไหนจะค่าตั๋ว ซึ่งท่านบินตรงเท่านั้น เราจะเอาจากไหน ยังจะค่ากิน ค่าช็อปปิ้งอีก โอ้ย ลูกขอบายค่ะ ตังค์นิดเดียว เที่ยวไม่ได้จริงๆ

“ที่บ้านค่อนข้างสนับสนุนว่าให้เที่ยวนะ เที่ยวตั้งแต่เด็กๆนี่แหละ แก่ๆ ไปเดี่ยวจะเดินไม่ไหว แต่ต้องเก็บเงินเที่ยวเอง ตอนยังเรียนพ่อบอก เก็บได้แค่ไหนพ่อออกให้อีกครึ่ง ก็ทำอย่างนี้มาตลอด แต่คราวนี้มันไม่ทันตั้งตัว งือๆ”

ด้วยความที่อยากเจอน้องมาก พ่อเลย อะ อะ ออกให้ก็ได้ แถม pocket money ให้ด้วย ลดแลกแจกแถมขนาดนี้ เราจะลังเลทำไมละคะ รีบโทรหาทราเวลเอเจนซี่คู่ใจ … ลีลาวดีฮอลิเดย์ (แอบโฆษณาให้ด้วยนะ)

กัสจิ : พี่ดาวๆ booking ตั๋วไปสวีเดนให้กัสหน่อย จะไปขอวีซ่า ถ้าไม่ได้ไม่ซื้อนะ เดี๋ยวถ้าได้ซื้อกับพี่ดาวแน่นอน ไปกับพ่อกับแม่ ขอบินตรง พี่ดาว : ได้ๆ การบินไทยนะ เอารายละเอียดมา ……….

และแล้วก็ได้วีซ่าเชงเก้น 30 วัน มานอนกอดภายใน 3 วัน คริคริ โชคดีมากได้แบบ multiple ด้วย

อ่านมาตั้งนาน เกี่ยวกับ Venice ตรงไหนเนี่ย? ลืมๆ ขอโทษทีค่ะ จากสวีเดน เราใช้บริการ Ryan Air เจ้าเก่าเจ้าเดิม ไปอิตาลี เที่ยว Pisa วันนึง Florence วันนึง แล้วนั่งรถไฟจากสถานี Firenze S. M. Novella ใน Florence รอบ 1 ทุ่ม เพื่อไปยังสถานี Venezia S. Lucia โดยใช้บริการของ Trenitalia ราคา 43 ยูโร ถ้าจำไม่ผิด

สถานี Firenze S. M. Novella

เบาะกว้าง เอนได้

Eurostar นั่งสบายฝุดๆ

ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมงก็ถึงค่ะ แต่กว่าจะไปถึงก็ค่ำมืดละ แต่ยังไม่ถึงทีเดียวนะ ต้องต่อเรือเมล์เข้าไปในเกาะอีก ซื้อตั๋วไปกลับได้ที่ท่าเรือเลย

เข้าแถวซื้อตัวร์เรือเมล์ ซื้อไปกลับเลยค่ะ

เรือเมล์ป้ายต่างๆ คุยกับโรงแรมดีๆ นะว่าต้องลงป้ายไหน

ระหว่างทาง โรแมนติกมาก

เดินไปที่พัก

พรุ่งนี้นายเจอเราแน่ กอนโดล่าแมน

บรรยากาศยามค่ำคืน สวยมากๆเลย ถึงแล้วก็เดินหนาวๆ ไปที่พักค่ะ ไม่มีรถมารับนะคะ ที่นี่ใช้เรือเป็นพาหนะ เดินงงๆ ซักพักก็ถึงที่พัก ไม่มีลิฟท์ค่ะ และไม่ได้พักชั้น 2 !!! ฮือออ ไม่เป็นไรสู้ตายๆ

ตื่นเช้า เดินไปท่าเรือ แบบหนาวๆ เพื่อนั่งเรือข้ามไปยัง Murano Island (ออกเสียงว่า หมู่ ร้า โหน่) เกาะที่ขึ้นชื่อเรื่องการทำแก้ว แก้วๆๆ ทั่วเมือง กระจก แจกัน ประตู นาฬิกา ต่างหู ของกระจุ๊กกระจิ๊กเต็มไปหมก และยังมี The Phantom of Opera ฮ่า ฮ๊า ฮ่า ฮ๊า ฮ่า ฮ๊า หน้ากากสำหรับงานเทศกาลคาร์นิวาลที่โด่งดังของ Venice ขายอยู่ทั่วเมือง แต่จริงๆที่  Burano Isaland จะมีมากกว่านะ

ออกเช้ามาก หนาวๆ

มีแต่เรือ เต็มไปหมด

ที่เห็นตรงกลางนี่ ทำจากแก้วนะคะ

ขุ่นแม่

หวานกันทั้งทริป

พ่อเราเอง

Happy Family Trip

น้องหยก คนเก่ง

แก้วทุกสิ่งอย่าง

และหน้ากาก ทั่วเมือง

ดอกไม้ยังทำจากแก้ว

พ่อ : ลูกกัสถ่ายให้พ่อกับแม่หน่อย ให้เห็นในกระจกนะ

แวะถ่ายไปเรื่อย มุมไหนก็สวย

มีปั๊มน้ำมันกลางทะเล เก๋มาก

เที่ยวทั่ว Murano Island แล้วก็นั่งเรือเมล์กลับมาเดินเล่นในเมือง Venice กันเถอะ

เรียกได้ว่า Landmark ต้องมาถ่ายนะคะ

อีกมุม

ชมความงามของสถาปัตยกรรม

ปาลาซโซ ดูคาเล่

ยิ่งใหญ่อลังการจริงๆ

เบื่อสองคนนี้มะ

ร้านอาหารเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว

อีกละ

แวะตลาด ผลไม้เหมือนบ้านเรามาไกลมา แต่แพงไม่ใช่เล่น

รูปนี้ใครถ่ายอะสวยนะ เก๊ะหรือหยก ฮ่าๆ

เข้าตรอกซอกซอยไปเรื่อย มีความสุขสุดๆ ควรจดจำป้ายซอยที่เดินเข้าไปไว้ให้แม่นๆ นะ จะแปะอยู่มุมตึก ไม่เช่นนั้นอาจจะหลงได้ เพราะสีและหน้าตาเหมือนๆ กันไปหมด

ซอยเล็กจริงๆ ดูจากขนาดตัวนะคะ

หน้ากากอีกแล้ว

ตรงนี้เรียกว่า Saint Mark Square หรือ จตุรัสซานมาร์โค นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกที่มาเที่ยว Venice จะมารวมตัวกันที่นี่ คนเยอะมากจริงๆ

นี่มันๆ หอเอนเมืองเวนิส ไม่ใช่ละ แต่มันเอนจริงๆนะ

ไหนๆก็มาถึง Venice ละ จะไม่นั่งเรือกอนโดลาก็ยังไงๆ อยู่ โดนซะหน่อย เบาๆ 80 ยูโรต่อลำ ไม่เป็นไรๆ มีหนุ่มหล่อมาพายเรือให้ คุ้ม! (กลับมาถึงได้รู้ว่าบางคนได้ราคา 60-70 ยูโรเอ๊งงงง)

สะพาน Rialto แห่ง Grand Canal

ทุกอย่างค่อนข้างดีเลยนะ แต่ผิดไปจากที่คิดไปบ้าง เช่น อากาศหนาวทำให้ฝีพายต้องใส่เสื้อหนาว เอ้ย! ไม่ใช่สิ ไม่โฟกัสที่ผู้ชาย ไม่งามๆ

ที่จะเล่าคือ ความสะอาด น้ำใสจริงๆนะ แต่ขยะจากนักท่องเที่ยวเกลื่อนมาก ยิ่งน้ำใสยิ่งเห็นชัด เสียดาย พ่อหนุ่มนักพาย ก็พายพาเราไปรอบๆเกาะ อะไรจะชิลขนาดนี้

อีกเรื่องที่อยากจะบอกเลย คือ ห้องน้ำ ที่นี่ห้องน้ำหายากมากๆ และไม่ฟรีนะคะ ถามทางก็คุยกันไม่เข้าใจ บอกทางมั่วไปหมด

และอยากเตือนให้ระวังมิจฉาชีพให้ดีๆ ร้ายกาจไม่ต่างจากประเทศอื่นๆ ในยุโรปเลยล่ะ เอาเป็นว่าเมืองไหนนักท่องเที่ยวเยอะ เมืองนั้นโจรเยอะ ถ้าเดินเข้ามาใกล้ๆ ประชิดตัวนี่รีบออกห่างเลยนะ คนเอเชียไม่ค่อยระวัง มัวแต่ถ่ายรูป จะโดนกันเยอะมาก

เล่าซะน่ากลัวเลย จะจบยังไงล่ะทีนี้ ฮ่าๆ จริงๆ ถ้าไม่นับเรื่องความสะอาด ห้องน้ำ และมิจฉาชีพ Venice ก็ยังเป็น 1 ในเมืองในยุโรป ที่เราประทับใจมากๆ เลยนะ ด้วยทำเลที่ตั้งของเมือง ความสวยงามของอาคารบ้านเรือนต่างๆ ที่ทำให้เห็นว่าเคยเป็นเมืองท่าที่ยิ่งใหญ่ ความใสของน้ำ ทุกอย่างลงตัวมาก อยากให้ลองไปสัมผัสกันดู

ฝากติดตามเพจด้วยนะคะ >>> ตังค์นิดเดียว ก็เที่ยวได้ >>> http://on.fb.me/1AulUyy กระทู้เก่า ตังค์นิดเดียว ก็เที่ยวได้ >>> เที่ยวลาว 7 วัน หมดไป 5,000 บาท http://pantip.com/topic/33294121 ตังค์นิดเดียว ก็เที่ยวได้ >>> Je te aime .. Paris http://pantip.com/topic/33292376

Je te aime .. Paris

ตังค์นิดเดียว ก็เที่ยวได้ >>> Je te aime .. Paris

ขอออกตัวก่อนเลย ว่า Blog… Je te aime .. Paris นี้ ไม่ได้มารีวิวอะไรใดๆทั้งสิ้น เรามาเขียนเพื่อแชร์ประสบการณ์ดีๆ แย่ๆ ที่เกิดกับเราที่ปารีสเท่านั้น

เริ่มเลยนะ

เราเดินทางมาปารีส จากมิลาน โดยสายการบิน Low cost ที่มีชื่อว่า Ryanair เป็นสายการบิน Low cost ที่บินภายในยุโรป ถือว่าโอเคเลย ตรงเวลา และที่สำคัญตั๋วถูกมาก บางเที่ยวถูกกว่ากรุงเทพ-เชียงใหม่ซะอีก จริงจริ๊ง

ถึงสนามบิน… เนื่องจากเดินทางด้วยวีซ่าเชงเก้น เลยไม่อะไรมากก็ผ่านฉลุยๆ ไปซื้อตั๋วนั่งรถบัสเข้าเมือง ต่อรถไฟใต้ดิน เพื่อเข้าที่พัก

…. ณ จุดนี้เลยค่ะ ที่เราได้เจอประสบการณ์แย่ๆที่ไม่คิดว่าจะเจอ น้องก็เตือนแล้ว ใครๆก็เตือนแล้วก่อนมา “ระวังกระเป๋าดีๆนะ” โดนเลยจ้า

คือเหตุการณ์มันเป็นงี้ กระเป๋าเป็นกระเป๋าหนังแบนๆ ลีบๆ สวยๆ (เกี่ยวมั้ย??) หยิบเงินยากๆ ด้วยความที่ก็กลัวเลยเก็บเงินไว้ช่องในสุดซึ่งต้องเปิดซิป 2 steps ถึงจะเจอเงิน จะล้วงเองแต่ละครั้งยังยากเลย แต่ๆๆ สุดหล่อก็สามารถล้วงเอาไปได้อย่างง่ายดาย

สุดหล่อในที่นี้ ก็คือมือล้วง หน้าตาหล่อเหลาเหลือเกิน ฮีเดินมาชนเรา เดินมาระหว่างเรากับพ่อ ชนแล้วก็ขอโทษ เราก็อึ้งในความหล่อไง ก็ไม่เป็นไร ลืมเรื่องกระเป๋าไปเลย ทีนี้ฮีมาอีกรอบ เราก็ เอ๊ะ! หน้าคุ้นๆ เฮ้ยยยย กระเป๋าเปิด เรารีบวิ่งไล่เลย มันก็วิ่งขึ้นบันได แล้วหันมายิ้มให้ เออะ…ทำอะไรไม่ได้ค่ะ

ลองมาดูในกระเป๋า เอาไปเกือบหมดค่ะ ยังดีที่เหลือโทรศัพท์เอาไว้ให้

เรางี้แทบอยากจะบินกลับไทย โกรธมาก คือปารีสนี่เป็นประเทศในฝันเลยนะ อยากไปมาก ขอที่บ้านเปลี่ยนแพลนเดินทางเพื่อมาที่นี่เลย แล้วต้องมาเจออะไรแบบนี้เนี่ยนะ

ยังดีที่มากับที่บ้านนะ ไม่งั้นจะทำยังไง หมดตัวตั้งแต่ยังไม่ได้เที่ยว แต่อย่าเพิ่งค่ะ อย่าเพิ่งหมดสนุกสิคะ …

(หลังโดนเลย)

จริงๆเราคงหมดสนุุกไปแล้ว ถ้าน้องเราไม่พยายามพูดให้เห็นว่า เห้ย คนนั้นไม่ใช่คนที่นี่นะ ส่วนใหญ่อาชญากรที่ปารีส จะเป็นพวกต่างชาติที่เข้ามาอยู่ อย่าคิดมาก ไปดูที่สวยๆ กันดีกว่า เราก็ อะ อะ ไหนๆก็มาแล้ว เที่ยวๆ ช่างมันๆ

(ที่พัก พยายามดูที่ใกล้ๆเมโทรนะ เดินทางง่าย สะดวก)

แล้วคือมันดีค่ะ มันมีอะไรอีกมากมายที่น่าประทับใจ เช่น The Louvre Museum หรือแม้กระทั่ง Eiffel Tower ที่ตอนกลางวันก็ว่าสวยแล้วนะ กลางคืนนี่ ไม่รู้จะถ่ายรูปยังไงให้สวยเท่าที่ตาเห็น ถ้าได้ถูกขอแต่งงานที่นี่ก็คงดี (คิดเบาๆในใจ) ตอนกลางคืน จะเปิดไฟระยิบระยับ สวยมาก ถ้านั่งเครื่องบินมาลงกลางคืน ก็จะเห็น แต่จำไม่ได้ว่าต้องนั่งฝั่งไหน งิงิ

(กลางคืน เห็นแล้วละลาย)

(เจอแล้ว สวยงามมากๆ กว่าจะฝ่าฝูงชนเข้าไปถ่ายใกล้ๆได้ เล่นเอาเหนื่อย)

(เข้าไปข้างในแล้วลืมถ่าย อลังการมาก แต่ก็ได้รูปมาน้อยมาก)

(สวีทตลอดเวลา)

(นี่น้องสาว ไกด์คนเก่งของเรา พามาแวะดินเนอร์แพร๊พ แต่ไม่มีตังค์นะ กินฟรี แม่จ่าย)

อ้อ เราไปช่วงเมษานะ อากาศไม่หนาวมากแล้ว กำลังเย็นๆ แต่งตัวสวยๆได้ แต่ใส่เสื้อกล้ามไว้ข้างในหน่อยก็ดี อย่าลืมพกแจ๊กเก็ตไปด้วย เพราะตกเย็นปุ๊บ เย็นยะเยือก แก้หนาวได้ด้วยการไปยืนบนท่อ จะมีไอร้อนๆขึ้นมา ช่วยได้ดีเลย ระหว่างรอแม่ช้อปปิ้ง

แล้วยิ่งทางเดินจากเมโทรขึ้นไปข้างบนนะ ที่ไหนก็ที่ไหนเหอะ จากที่ไปมาทั้งหมด เรายกความเย็นยะเยือกของลมที่พัดผ่านให้ปารีสเป็นเบอร์ 1 เลย หนาวแบบต้องบอกต่อให้เตรียมตัวเตรียมใจไว้เลย ไม่เข้าใจระบบช่องลมเค้าจริงๆ ให้ตายเถอะ

แต่ที่นี่ห้องน้ำดีเลยนะ สะอาด และมีให้บริการนักท่องเที่ยวเยอะดี ชอบๆ

แหล่ง ช้อปปิ้ง อย่างถนน Champs-Élysées บางแบรนด์ก็ไม่ได้ถูกกว่าบ้านเราอย่างที่คิดนะ ไอ้ที่ถูกก็ถูกเกิ๊น ไอ้ที่แพงก็แพงจริงๆนั่นแหละ ช่วงที่เราไป ในร้านคนจะเยอะมาก ไม่รู้ว่าเข้าไปหลบลมหนาวมั้ยนะ หนาวจริงหนาวจัง

(เริ่มเดินละน้า)

ฝั่งตรงข้ามเป็น Shop หลุยส์ ใหญ่มาก น่าจะเป็นสาขาแรก

ใกล้ๆกันจะเป็นร้าน Ladurée โด่งดังเรื่อง Macarons เอามากๆ เราก็ไปต่อแถวกินกะเค้า แต่ลิ้นคงไม่ถึงมั้งไม่ชอบเลยอะ หวานไปนะ ลองหลายสีแล้วก็ไม่ชอบอยู่ดี ของอย่างนี้ก็แล้วแต่ความชอบเนอะ

(ระหว่างเข้าแถวยาวๆ ถ่ายรูปเล่นซะหน่อย)

จบค่า… แต่อารมณ์ยังไม่จบ สุดท้ายแล้วแม้จะเกิดเรื่องแย่ๆขึ้นตั้งแต่วันแรก แต่ความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อปารีสก็ไม่รู้จะบรรยายยังไงนอกจากจะบอกว่า Je te aime .. Paris                    

สามารถอ่านใน Pantip ได้ตามลิ้งค์เลยค่ะ

>>> http://pantip.com/topic/33292376

ฝากติดตามเพจด้วยนะคะ
>>> ตังค์นิดเดียว ก็เที่ยวได้ >>> http://on.fb.me/1AulUyy

เที่ยวลาว ตอนที่ 3

ตังค์นิดเดียว ก็เที่ยวได้ >>> เที่ยวลาว ตอนที่ 3 | ม่วนหลาย…เวียงจันทน์

เวียงจันทน์ วันเดียวก็เที่ยวได้ แต่กว่าจะไปถึงนี่สิ หลับไปหลายตื่นก็ยังไม่ถึงเลย

เราเดินทางโดยรถทัวร์จากหลวงพระบางตอน 3 ทุ่ม มาถึงเวียงจันทน์เช้า ด้วยถนนที่เป็นสองเลน และทางไม่ราบเรียบเลยทำให้ใช้เวลานานมาก บนรถไม่มีห้องน้ำ แต่จะแวะพัก 1 ครั้ง แต่ก็เนอะ ถ้ามันปวดสุดๆจนอั้นไม่ไหว เราก็ต้องเข้าห้องน้ำใช่มั้ย เอาแล้วไง เราก็รวบรวมความกล้าไปบอกคนขับให้หยุดข้างทางหน่อย เพราะมันไม่ไหวแล้วค่าา คนขับก็บอกอีกแป๊บๆ เดินไปบอกสองครั้งบอกไม่จอดจะตรงนี้แล้วนะ เค้าเลยจอด เราก็วิ่งเข้าพุ่มเลยค่ะ แต่ขอโทษนะคะ ผู้โดยสารคนอื่น ที่นั่งกันมานิ่งๆ นี่ก็ปวดฉี่เพียบนะคะ เข้าพุ่มกันใหญ่ เราเลย เอ้อ…นี่เราเป็นฮีโร่เลยใช่มั้ย

ลืมบอก ที่นี่ถ้าเค้าแวะให้เข้าห้องน้ำนี่เข้าเลยนะ อย่ารอน้ำบ่อหน้า ถ้าแวะข้างทางนี่คือ เข้าพุ่มอย่างเดียว แต่ไม่ต้องอายค่ะ ทุกคนเค้าก็ทำกัน

ถึงแล้วเวียงจันทน์ เราเข้าไป Check-in เพื่ออาบน้ำ ฝากกระเป๋า อย่ารอช้า ออกสำรวจเวียงจันทน์กันเถอะ

สถานที่ท่องเที่ยวในเวียงจันทน์ เราหาข้อมูลจากเวบต่างๆ แล้วเราก็…ทั้งเดิน ทั้งเหมารถตุ๊กๆ (ไม่แน่ใจที่นี่เรียกว่าอะไร) ราคาก็ตามแต่ตกลง ต่อรองได้ค่ะ ต่อไปเยอะๆนะ เอาแบบหารกันทั้งคันแล้วคิดว่าไม่แพง

ก็มีไป ประตูชัย เป็นการเลียนแบบ Arc de Triomphe ในปารีส แต่จะใช้ศิลปะสไตล์ลาว ถ้าจะขึ้นไปชมวิวที่ด้านบนของประตูชัย ต้องเสียค่าเข้า 3,000 กีบ

หอพระแก้ว เดิมเคยเป็นวัด แต่ตอนนี้เป็นพิพิธภัณฑ์และมีร้านขายของที่ระลึก ค่าเข้า 5,000 กีบ และวัดสีสะเกด

พระธาตุหลวง มีสถูปขนาดใหญ่สีทอง ถ่ายรูปออกมาสวยมากค่ะ ค่าเข้า 5,000 กีบ

เดินเล่นที่ห้าง อีกแป๊บ ก็กลับมาสระผม ที่ร้านทำผม ประมาณว่าต้องมาลอง

เก็บของ เหมารถไปส่งตลาดปลอดภาษี เพื่อเดินเล่นก่อนเดินทางข้ามกลับประเทศสยามบ้านเกิด

ทริปนี้ใช้เวลา 7 วัน หมดไป 5,000 บาท เบาๆ ไม่รวมช้อปปิ้ง 🙂

สามารถอ่านใน Pantip ได้ตามลิ้งค์เลยค่ะ
http://pantip.com/topic/33294121

ฝากติดตามเพจด้วยนะคะ

>>> ตังค์นิดเดียว ก็เที่ยวได้ >>> http://on.fb.me/1AulUyy

เที่ยวลาว ตอนที่ 2

ตังค์นิดเดียว ก็เที่ยวได้ >>> เที่ยวลาว ตอนที่ 2 | สบายดี หลวงพระบาง

ตื่นเช้ามานั่งจิบกาแฟที่วังเวียง ตกสายๆ เจ้าของที่พักก็พาพวกเราไปรอขึ้นรถตู้ เพื่อเดินทางบนหนทางอันยาวไกลสู่….หลวงพระบาง

ระหว่างทาง เราอยากจะบรรยายให้เห็นถึงภาพความสวยงามของธรรมชาติซะจริง ขนาดแวะเข้าห้องน้ำ วิวนี่โอ้โหวววว จริงๆ ถ่ายกันเป็นร้อยรูป จนเกือบจะตกรถ

จากวังเวียงไปหลวงพระบางระยะทางไกลพอสมควร หลับบ้าง เม้าท์มอยบ้าง ถ่ายรูปเล่นบ้าง จนในที่สุด เราก็มาถึงกันซะที

จากจุดที่รถตู้มาส่ง เราต้องนั่งตุ๊กๆ เพื่อเข้าไปในเมือง
จะบอกว่า…อย่าพยายามเป็นคนไทยค่ะ อย่าพูดไทย
ไอ้เรานะ ก็คิดว่าเป็นเมืองพี่เมืองน้องบอกว่าเป็นคนไทย เชื่อมั้ยคะ คิดราคาแพงกว่าฝรั่งซะอีก เลยไปถามคนลาวที่นั่นมา ได้คำตอบว่า คนลาวไม่ค่อยชอบคนไทยเพราะชอบดูถูกคนลาว เลยฟันซะหัวแบะ คราวหน้าถ้าไปจะบอกว่ามาจากญี่ปุ่นแทน ฮ่าๆ

ถึงที่พัก เราพักที่ Lao Backpacker คืนละ 500 บาท จองจาก  www.hostelworld.com เจ้าเก่า แต่…ไม่ประทับใจเลยค่ะ ห้องไม่เป็นตามรูป ห้องน้ำเกือบใช้การไม่ได้ เพื่อนที่ไปด้วยนอนไม่ได้ถึงกับย้ายโรงแรมกันคืนนั้นเลยค่ะ เพราะห้องที่เพื่อนได้ โถส้วมอยู่ตรงหัวนอนเลย

จริงๆ เราก็ใช้ www.hostelworld.com มาหลายต่อหลายครั้งแล้วนะทั้งเอเชีย ทั้งยุโรป แต่ก็ไม่เคยเจอปัญหานี้เลย เลยอยากเตือนว่าหาข้อมูลที่พักดีๆก่อนจองนะคะ อย่าเชื่อรูปที่ตาเห็นมากนัก

เอาล่ะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว นอนค่ะ นอนเอาแรง พรุ่งนี้ตื่นเช้าไปเข้าถ้ำกัน 🙂

แวะถ่ายรูป เอร๊ยย แวะชมวิวแป๊บนึง

ถ้ำติ่งที่เราจะไปอยู่นอกเมือง เราเหมารถสองแถวไปค่ะ เหมาทั้งวันไปเลยจะได้ราคาถูกและได้ไปที่ที่อยากไป แค่บอกคนขับเท่านั้น
เราต้องนั่งเรือข้ามฟากไปค่ะ มีทั้งเรือท่องเที่ยว เรือหางยาว เราเลือกเรือหางยาว โดยจำเหตุผลไม่ได้ เดาว่าน่าจะถูกกว่าค่ะ ค่าเข้าถ้ำ 20,000 กีบ ภายในถ้ำก็จะมีพระพุทธรูปมากมาย

              

มีผ้าขายเยอะแยะ สวยๆทั้งนั้นซื้อได้ไม่แพงมากค่ะ

เสร็จจากถ้ำติ่ง ก็ไปต่อกันที่น้ำตกที่สวยที่สุดในลาว (เท่าที่เคยเห็นในประเทศลาวนะคะ) น้ำตกตาวกวางสี สวยมากจริงๆค่ะ เล่นน้ำได้ค่ะ มีห้องน้ำให้เปลี่ยนชุด

เล่นกันถึงเย็นก็กลับมาเดินเล่น ช้อปปิ้งในเมือง กินส้มตำลาว เฝอ และอะไรต่อมิอะไรมากมายเรื่องอาหารที่นี่ถือว่าอร่อยถูกปาก และราคาไม่แพงเลยค่ะ

เดินจนเหนื่อยก็กลับเข้าที่พัก ไม่ใช่ละ เดินเหนื่อยคอแห้ง ก็ไปหาเบยลาวดื่มสิคะ ไปย่านที่กินดื่มกัน มีหลายร้านให้เลือกเข้า เราบังเอิญเจอเจ้าของร้านเป็นคนไทย ยาวเลยสิคืนนี้

ไปช่วงปีใหม่เลยได้มีโอกาสลอยโคมกับเค้าด้วย สนุก…

             

พรุ่งนี้ลุยต่อ…หลวงพระบาง

วันที่ 2 ในหลวงพระบาง

(มีจุดให้ถ่ายรูปตลอดเวลา)

มาหลวงพระบางทั้งที ก็คงจะหนีไม่พ้นการเข้าวัด วัดอยู่ใกล้ๆกันหลายวัด ที่จำได้ก็มีวัดเชียงทองค่ะ สวยเลยทีเดียว ค่าเข้า 20,000 กีบ

 

     

     

หมดจากวัดก็ไปต่อกันที่ยอดเขาพูสี ค่าเข้า 20,000 กีบ เหนื่อยค่ะ สวยค่ะ

เหนื่อยยังไง?? ก็ต้องเดินขึ้นบันได 328 ขั้น
สวยยังไง?? สวยด้วยต้นจำปาตลอดทางที่เดินขึ้น ขึ้นไปถึงเจอวิว สวยๆ อีก คุ้มค่าเหนื่อยค่ะ

ลงเขามาเหนื่อย ปิดจ๊อบหลวงพระบางกันด้วยร้านเบเกอร์รี่ชื่อดัง “โจมา เบเกอร์รี่” อร่อยและถูกค่ะ เครื่องดื่มแก้วละไม่ถึงร้อย (ถูกกว่าบางร้านที่ไม่ค่อยดังด้วยนะ)

จบตอนนี้..ตอนหน้าตะลอนเวียงจันทน์กันค่ะ

สามารถอ่านใน Pantip ได้ตามลิ้งค์เลยค่ะ

http://pantip.com/topic/33294121

ฝากติดตามเพจด้วยนะคะ

>>> ตังค์นิดเดียว ก็เที่ยวได้ >>> http://on.fb.me/1AulUyy

เที่ยวลาว ตอนที่ 1

ตังค์นิดเดียว ก็เที่ยวได้ >>> เที่ยวลาว ตอนที่ 1 | เรื่องลาว…ในวังเวียง

คิดอยู่นานว่าจะเขียนดีมั้ย เพราะไปมาตั้งแต่ปีใหม่ 2013 แล้ว รายละเอียดก็จำได้ไม่หมด แต่ก็ไปมาถูกจริงๆ ก็เลยต้องเขียน เผื่อบางข้อมูลจะเป็นประโยชน์กับใครต่อใครบ้าง

เอาล่ะเหมือนเดิม ทริปที่ผ่านๆมารูปวิวน้อย เน้นรูปเดี่ยวเป็นหลัก ขอแก้ตัวในทริปต่อไปนะ

เรื่องลาวคราวนี้ จะขอไถ่โทษด้วยการบอกค่าใช้จ่ายเลยละกัน

อ่านดีๆนะ 7 วัน 5,000 บาท

เฮ้ย จริงๆ 5,000 บาทนี่แหละ กินอิ่มทุกมื้อ เบียร์ทุกวัน กินหนักเลยล่ะ แต่ไม่รวมช้อปปิ้งนะ

คือจะบอกว่าที่ลาวอาหารถูกจริงๆ ค่าเข้าสถานที่ต่างๆก็ไม่แพง ค่ารถก็ถูกอีก

เริ่มเดินทางจากกรุงเทพโดยรถทัวร์ ปอ.1 ไปลงหนองคาย แล้วข้ามไปเวียงจันทน์ก่อนเลย นั่งรถบัสหวานเย็นข้ามแม่น้ำโขง วิวสวยดี

ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง แถวยาวมาก คนไทยเข้าทางเวียงจันทน์เยอะจริงๆ ใช้แค่พาสปอร์ตค่ะ

เราไปทั้งหมด 3 เมืองด้วยกัน Route เราคือ เวียงจันทน์-วังเวียง-หลวงพระบาง-เวียงจันทน์

วันนี้จะข้ามไปวังเวียงก่อน เมืองนี้เรายกให้เป็น 1 ในสถานที่ประทับใจเลย สวยมาก

จากเวียงจันทน์ไปวังเวียง เราเดินทางด้วยรถตู้ 240 บาท ไม่ไกลมาก ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงวังเวียงละ
รถตู้ไปส่งเข้าที่พัก จากนั้นเราก็ขอแผนที่ ติดต่อเรื่องการเดินทางไปยังหลวงพระบาง เราให้ทางที่พักจองรถตู้ให้เลย
ที่พักสวย ห้องกว้าง ห้องน้ำในตัว มี wifi สะอาด ตกคืนละ 500 บาท ถูกไปมั้ย
(ที่พักในลาวทุกที่เราหาจาก http://www.hostelworld.com)

ถึงแล้ว…ชิลมาก

ไปเดินเล่นตรงสะพานแขวนกัน

ถ้ำปูคำ ไปยังไง???
จากสะพานที่ไปเดินเล่น พวกเราโบกรถกระบะคนท้องถิ่นเข้าไป แต่ก็ให้สินน้ำใจเล็กๆน้อยๆ ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร บางคนก็เดิน แต่ไม่ไหวค่ะ ฝุ่นเยอะมาก รถแล่นผ่านทีนึงจะตายเอา แต่วิวสวยตลอดทาง

เดินขึ้นถ้ำๆ ก่อนขึ้นต้องไปเช่าไฟฉายส่องกบกันก่อน

เดินลงมาจากถ้ำ จะมีบลูลากูน ลงเล่นน้ำได้
โอ้โห มันสวยมาก

หมดไป 2 วัน แบบชิลๆ….ที่วังเวียง

สามารถอ่านใน Pantip ได้ตามลิ้งค์เลยค่ะ

http://pantip.com/topic/33294121

ฝากติดตามเพจด้วยนะคะ

>>> ตังค์นิดเดียว ก็เที่ยวได้ >>> http://on.fb.me/1AulUyy

เที่ยวเนปาล ตอนที่ 4

ตังค์นิดเดียว ก็เที่ยวได้ >>> เที่ยวเนปาล ตอนที่ 4 | ละลายเงิน ที่ย่านทาเมล และสรุปค่าใช้จ่าย

ถึง Kathmandu ก็เข้าไปเก็บของ และออกมาเดินเล่น ช๊อปปิ้ง ซื้อของฝากต่างๆ

ย่านที่เราจะไปเดินกัน เรียกว่า ทาเมล อย่างที่เล่าไปในตอนที่ 1 ว่าคล้ายๆ ถนนข้าวสารบ้านเราแต่ตรอกซอกซอยจะเยอะกว่า มีวัดแทรกบ้างประปราย ของกิน ของขาย ของฝาก ตู้ ATM เพียบ ถ้าเงินหมดกดได้ตลอด มีค่าธรรมเนียมในการกด 150 บาทต่อการกด 1 ครั้ง (ไม่อยากจะเชื่อว่าเนปาลจะมีของน่าซื้อเยอะขนาดนี้)

การซื้อของที่นี่ เราแนะนำว่า… ถ้าจะซื้อของ ต่อเยอะๆ เลยนะคะ  ไม่ต้องอาย ต่อได้ พ่อค้าแม่ค้าที่นี่ใจดี ไม่ซื้อไม่โกรธ ยิ้มแย้มแจ่มใส เต็มใจบริการมาก ถ้ามาด้วยกันก็ซื้อร้านเดียวกันไปเลยค่ะ ซื้อเยอะก็ลดเยอะ แต่ก็อย่าเพิ่งตัดสินใจซื้อนะ ลองเดินดูราคาหลายๆ ร้านก่อน เพราะสินค้าเหมือนกันราคาอาจต่างกันมากเลยทีเดียว แต่จำร้านไว้หน่อยก็ดี เพราะจะขายของเหมือนๆ กัน

ของฝากที่นี่จะเป็นพวกผ้าต่างๆ ผ้า wool ผ้าแคชเมียร์ ซื้อฝากได้ ไม่แพง ราคาขึ้นอยู่กับเนื้อผ้า และก็จะมีพวกชา มีหลายรส เลือกตามใจชอบได้เลย อร่อยจริงๆ ชาที่นี่เนี่ย ส่วนใครจะซื้อเบียร์เป็นของฝาก แนะนำให้ซื้อที่ร้านขายของชำจะถูกที่สุด

ของกิน แนะนำร้านเบอร์เกอร์ แต่เราจำซอยไม่ได้นะ อยู่สายหลักของทาเมลนี่แหละ เด็ดมาก นี่ๆ มีรูปหน้าร้าน

ร้านกาแฟน่านั่งก็เยอะ จะอยู่ตามตรอก ลองเดินเข้าไปดู ชอบร้านไหน แนวไหน ก็เข้าไปนั่งได้ นั่งนานก็ไม่ไล่นะ เอาซี่

หลังจากหมดเนื้อหมดตัวกันแบบไม่ได้ยับยั้งชั่งใจ ก็พากันกลับที่พัก ที่พักเราก็อยู่ในย่านทาเมลนี่แหละ ค่อนข้างสะดวกสบายในการเดินทางเข้าเมือง และไม่ไกลมากจากสนามบิน ที่สำคัญมีรถรับส่งด้วย

คืนนี้ลองซื้อมาม่าเนปาลมาลองต้มกิน พบว่า ก็อร่อยดีนะ

ต่อไปจะเป็นการเที่ยวในเมือง Kathmandu มาสร้าง Landmark กันเถอะพวกเรา

ถึงเวลาที่รอคอยกันซักที ตอนนี้จะบอกค่าเสียหายของเราในทริปนี้ ขอออกตัวไว้ก่อนว่าจำรายละเอียดได้ไม่หมดจริงๆ เพราะจบทริปก็จบเลยจ้า แต่จะบอกยอดที่ต้องเตรียมไป

ก่อนเข้าเรื่องค่าใช้จ่าย ขอลงแชร์เรื่องเที่ยวในเมือง Kathmandu นิดนึง เดี๋ยวจะไม่มีรูปลง

เราเที่ยวในสานที่ Landmark เมือง Kathmandu 1 วันเต็มๆ เดินทางโดยการเหมารถ taxi เพราะน่าจะเป็นวิธีที่สะดวกที่สุด ให้ทางโรงแรมเรียกให้ได้เลยค่ะ ราคาก็ต่อรองกันได้

ที่นี่ ถ้าเที่ยวในเมือง ค่าใช้จ่ายหลักๆ จะอยู่ที่ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ แพงใช้ได้เลย แต่ไหนๆมาแล้วก็ต้องเข้าไปชมนะคะ ไม่ได้ออกแนววิจิตรตระการตาอลังการงานสร้างเหมือนวันพระแก้วบ้านเรา แต่สำหรับเรา มันดูมีมนต์ขลัง น่าดึงดูดมาก เดินดูได้ทั้งวันไม่เบื่อ ถ้าใครชอบแนวนี้ เนปาลเป็นอีกประเทศที่น่าเก็บนะคะ แต่จะไม่เล่าอะไรมากดูรูปเอาเลยค่ะ

ค่าเสียหาย
เอาไปเลยคนละ 10,000 บาท สำหรับเราเท่านี้เหลือๆเลยนะ แต่ไม่รวมค่าตั๋ว ค่าช้อปปิ้ง
(ค่าช้อปปิ้งเอาไปเยอะๆ เลย อย่าคิดว่าที่นี่ไม่มีอะไรให้ซื้อ เรานี่ต้องยืมเพื่อนช้อปเลยค่า)
ในจำนวนนี้ก็มีค่าโรงแรม ค่าไกด์ ค่าลูกหาบ ค่ารถ ค่ากิน
ค่าตั้๋วแอร์เอเชีย 15,000 บาท……..จองล่วงหน้าหลายเดือนมาก
ค่าวีซ่า 15 วัน 875 บาท……………มี visa on arrival นะคะ แต่แถวจะยาวหน่อย

จบแล้วค่ะ ขอโทษที่มีแต่รูปเรา สัญญาว่าทริปหน้าจะถ่ายรูปให้ดีกว่านี้ จะถ่ายวิวบ้างอะไรบ้าง

เที่ยวเนปาล ตอนที่ 3

ตังค์นิดเดียว ก็เที่ยวได้ >>> เที่ยวเนปาล ตอนที่ 3 | Ghandruk มันสวยมาก

ตื่นเช้ากันเถอะพวกเรา

เฮ้ยย จริงๆนะ คือ Ghandruk มันสวยมาก เอาจริงเราชอบมากกว่าบนที่เห็นบน Poonhill ซะอีก เพราะมันดูเหมือนใกล้มากอะ แบบเอื้อมมือแตะได้เลย

ว่าแล้วตื่นตามเสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้หกโมงเช้า โอยยย หนาว โอยยย สวย

ลองหลับตาแล้วนึกภาพตามนะ จิบชาอุ่นๆ ตอนเช้า ท่ามกลางฉากของภูเขาหิมะใหญ่ยักษ์ ฟินจนบรรยายไม่ถูกอะ

   

พวกเรานั่งดื่มด่ำกันอยู่นานพอสมควรเลย จน Dipak มาไล่ให้ไปอาบน้ำแต่งตัว เพราะวันนี้เราต้องเดินลงอีกไกล ก็เกี่ยงกันใหญ่ว่าใครจะอาบน้ำก่อน มันหนาวจริงๆ ขนาดนั่งตากแดดยังหนาวขนาดนี้เลย

เมื่อเตรียมความพร้อมกันเรียบร้อย ก็ออกเดินทางค่ะ วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วนะคะ สำหรับขาลงเย้! ดีใจมาก แต่ขาเริ่มล้า เดินกันแบบช้ามาก ช้ากว่าตอนขาขึ้นอีก เหมือนเดินมาถึงจุดพีคแล้ว ขามันสั่นไปหมด แต่ก็ยังดีที่มีไม้ค้ำกัน ไม่งั้นคงแย่แน่ เพราะลงอย่างเดียว น้ำหนักตัวทั้งหมดจะทิ้งลงไปที่ขา อันนี้ต่อให้ขาใหญ่ก็ไม่ช่วยนะคะ

เดินๆ หยุดๆ ถ่ายรูป แวะกิน จนมาถึงขบวนคาราวานรถที่ขับกันขึ้นมา แหม่..อิจฉาจริงๆ อยากจะติดรถลงไปด้วยซะเหลือเกิน แต่ก็เอาน่า เดินกันมาขนาดนี้แล้วต้องสู้สิคะ ว่าแล้วก็ไปแอบแชะกับแก๊งคาราวานซะหน่อย

 

เจอเด็กน้อย เราขอถ่ายรูปได้นะ ตอบแทนด้วยขนมเล็กๆน้อยๆ ก็ได้

ในที่สุด…ในที่สุดก็ถึงซะที ไม่สิๆ ในที่สุดก็ทำสำเร็จ ไม่มีใครล้มตายหรือบาดเจ็บ พวกเราทั้งคณะ เดินทางมาถึงจุดหมาย Nayapul กันแบบที่เรียกได้ว่า สภาพสะบัดสะบอมกันมาก ในใจคิดแค่ว่า คืนนี้จะได้นอนเตียงนุ่มๆ อาบน้ำอุ่นๆ ซักที

คืนนี้เราจะกลับไปนอนกันที่  Pokhara โรงแรมเดิม ที่มานอนและฝากของกันเอาไว้ค่ะ

ถึงโรงแรม หมายถึง ถึงเวลาที่เราต้องตอบแทนสินน้ำใจเล็กน้อยๆ ให้กับบรรดาลูกหาบและไกด์ อันที่จริงไม่ได้มีข้อกำหนด หรือยอดขั้นต่ำในการให้ทิปหรอกนะคะ แต่หากเราให้น้อยกว่าที่เค้าคาดหวังไว้ ก็จะเกิดอาการทำหน้านอยด์ๆ เท่านั้นเอง

เอาล่ะ อาบน้ำอุ่นและนอนบนเตียงแสนสบายที่นี่อีกคืน พรุ่งนี้ต้องนั่งรถตู้ 7 ชั่วโมง เพื่อกลับไปเก็บตก Kathmandu กันค่ะ

เที่ยวเนปาล ตอนที่ 2

ตังค์นิดเดียว ก็เที่ยวได้ >>> เที่ยวเนปาล ตอนที่ 2 | Go go go…Poonhill

Day 1 Poonhill Trekking (Finally)

ออกเดินทางแต่เช้าไป Nayapul ระหว่างทาง Dipak พาไปแวะจุดชมวิวถ่ายรูปสวย ใจดีที่สุด
ไม่สิๆ รู้ใจที่สุดอะ

Nayapul เป็นจุดแรกที่ต้อง Check point เพื่อลงทะเบียนเดินขึ้นเขาค่ะ (ต้องเตรียมรูปถ่าย 2 นิ้วฉากขาวไปด้วยนะคะ) เราไม่ต้องทำอะไรไกด์จะจัดการให้เอง แค่อยู่เฉยๆแล้วถ่ายรูปไป ที่สำคัญกินให้อิ่ม เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย เราจะไปกันแล้ววว

เริ่มออกเดินทางกันด้วยรอยยิ้มที่สดใส เดินไปซักชั่วโมงสิคะ “Can I change my mind?” “Please leave me here” หรือว่า “เปลี่ยนใจทันมั้ย Dipak” นี่เป็นประโยคฮิตเลย เพราะระหว่างทางมันมีทั้งทางเรียบ ทางขึ้นเขา ทางหิน ทางน้ำนิดหน่อย แต่มันมีแต่ขึ้นแล้วก็ขึ้น เอาซี๊ มาดูกันว่าใครจะขอกลับก่อน โอยยยย.. ยากจะบรรยายค่ะ โดยเฉพาะหินหฤโหดช่วงสุดท้ายก่อนถึงที่พัก เราอยากจะขอ Dipak นอนมันตรงหินนี่แหละ แล้วมาเจอเด็กน้อยเนปาลีวิ่งแซงแล้วตดใส่อีก บ้าไปแล้วค่าา

ช่างตดมันเถอะค่ะ คืนนี้เราจะไปนอนกันที่ Ulleri กันนะ โอเคอยู่ นอนได้ อาบน้ำได้ อาหารอร่อยเพียงแต่มันไม่ถูกปากเราเอาซะเลย เราเลยใส่ทาคูมิที่เอามา และใส่หอยกระป๋องเข้าไปอีก ไกด์งอนเลยค่ะ ประมาณว่าแกต้องกินให้ได้สิ แกกินได้ชั้นก็ได้เงินนะ แล้วมันเหมือนดูถูกว่าของเค้าไม่ดีไม่อร่อย อือๆๆ กินก็กินวะ บอกตัวเอง (มื้ออื่นๆเลยแอบใส่ อย่าให้ไกด์รู้) กินข้าวเสร็จ กินเบียร์ต่อ แล้วแยกย้ายไปนอน พรุ่งนี้เดินขึ้นอีกยาวไกลนะจ๊ะเด็กๆ ฝนอาจจะตกด้วย

Day 2 Go to Ghorepani !!!

ตื่นเช้ามาก (ทุกวัน) วันนี้ทางราบเยอะหน่อย ร่มไม้ก็เยอะด้วย ดีจัง..
เตรียมตัวกันเรียบร้อยก็ออกเดินทางสู่ Ghorepani วิวสวยขึ้นไปอีก เห็นแก๊งส์ Annapurna ชัดขึ้นไปอีก สุดๆละ หลายคนเริ่มบ่นปวดขาแล้ว แต่เรายังไหวอยู่ เพราะเดินเรื่อยๆ ด้วยความเร็วคงที่ ไม่เร่งสปีดใดๆ (เคล็ดลับจาก Dipak)

เดินไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็แวะกินขนม สนุกๆอยู่ดีๆ ฝนตกจ้า เอาแล้วไงลืมเสื้อกันฝนได้ไง เราโชคดีเจอคนไทยใจดี แบ่งเสื้อกันฝนมาให้ด้วย ขอบคุณมากๆเลยค่า แล้วก็เดินต่อไป

การเดิน Trekking ที่นี่ จะมีแวะให้ทานอาหารตอนเที่ยงและให้เราได้พัก เวลาแวะเราก็จะเอาขวดน้ำที่เราพกไปเติมน้ำจากร้านอาหาร หรือร้านค้าก็ได้มีตลอดทาง เป็นน้ำต้มค่ะ ราคาจะแพงขึ้นไปเรื่อยๆ ประมาณว่ายิ่งสูงยิ่งแพง ก็เข้าใจอยู่นะ ตอนซื้อที่ภูกระดึงเผลอๆแพงกว่าอีก ที่นี่ครั้งนึงที่จำราคาได้ก็ 80 บาท น้ำจะหมดเร็วโดยไม่รู้ตัวเพราะมันเหนื่อยมาก แนะนำว่าพกเกลือแร่ไปด้วยไว้จิบๆระหว่างทาง ช่วยได้จริงๆค่ะ ขนมขมเคี้ยวก็จำเป็นนะ…เราขนไปเยอะมาก แต่ก็กินจนหมด

อาหาร..เอาจริงๆก็ไม่ถูกปากเรานะ แต่เพื่อนๆในทริป โดยเฉพาะผู้ชายจะกินเยอะมากๆ เราเลยใช้สูตรทาคูมิเหมือนเดิม อ้อ อาหารตกจานละร้อย ที่ถูกหน่อยจะเป็นมาม่า (อร่อยสุดละ)ข้าวจะได้เยอะมาก กินสองคนบางทีไม่หมด พวกผู้ชายกินหมดอีกตามเคย

ห้องน้ำ..มีเรื่อยๆ ตามที่พักหรือร้านอาหาร ขอเข้าได้นะ ส่วนใหญ่คนที่นี่ใจดี อาจดูไม่สะอาดเท่าบ้านเรา แต่ถือว่าได้อยู่

>>> กลับมา Ghorepani กันต่อ <<< เดินฝ่าสายฝนในดงป่าไปเรื่อยๆตกเย็นก็ถึงที่พัก โดยจะมีเพียงไกด์ที่เดินไปพร้อมกับเรา ลูกหาบจะไปถึงที่พักก่อน วางของแล้วก็เดินกลับมาหาเราช่วยแบ่งของที่อยู่ในมือไปหาบอีก อยากจะบอกว่า….ลูกหาบโคตรฟิตอะ

ที่พักของเราคืนนี้ ได้อารมณ์ Local สุดๆ ไม่มีฮีทเตอร์ค่ะ แต่เป็นท่อสังกะสีที่ต่อตรงขึ้นมาบนห้องนอน ที่ชั้นหนึ่งจะมีการต้มน้ำไว้ เพื่อให้ไอความร้อนเคลื่อนตัวผ่านท่อที่ว่า แล้วเราก็จะได้รับไออุ่นบางเบาจากท่อนั่นเอง

ถึงที่พัก พวกเราก็….ถ่ายรูป อาบน้ำ ถ่ายรูป กินข้าว แล้วถ่ายรูปต่อ ก็วิวมันดี ถ่ายไปเหอะ ซักพักพายุลูกเห็บเข้าค่าาา ฝนตกกระหน่ำ ยังไงล่ะ ยังไงดี Poonhill พรุ่งนี้ของเรา Dipak บอกว่าถ้าฝนตก Poonhill อาจเห็นไม่ชัด คือแปลว่าอะไรคะ เดินมา 2 วัน 2 คืน อาจจะไม่ได้เห็น คือ??? ทำอะไรไม่ได้ มาสวดมนต์ภาวนากันค่ะพวกเรา

ตื่นตั้งแต่ตีสามหรือตีสี่นี่แหละ จำไม่ได้ค่ะ จำได้แค่ไม่แปรงฟัน ไม่ล้างหน้า ไม่เติมคิ้ว เติมปากใดๆ คว้าเสื้อผ้า กางเกง เสื้อหนาว ถุงมือ ถุงเท้า ผ้าพันคอ หมวก สวมทับๆ พันๆ มันเข้าไป

ตอนเช้ามืดจะหนาวมากค่ะ ยิ่งบน Poonhill นี่ไม่ต้องพูดถึง เป็นยอดเขาลมโกรกมาแบบเย็น
ยะเยือก นิ้วตอนที่ถอดถุงมือมากด shutter นี่ชาไปหมด นิ้วแทบจะขาดซะให้ได้ ขานี่ไม่ต้องพูดถึงก้าวไม่ออก ยิ้มไม่ออก

จากที่บรรยายมาทั้งหมดอย่าเพิ่งตกใจนะ มันลบล้างได้ด้วยความสวยของ Annapurna แบบ Panorama View บนยอด Poonhill จริงๆ ดูจากรูปเอาเองเลยจ้าาา 

การแต่งกายขึ้น Poonhill…ไม่มีอะไรมากแค่กันหนาวกันลมได้ก็พอ
เดินขึ้นไปเรื่อยๆจะเริ่มร้อนก็ถอดและฝากลูกหาบไว้ก่อน ขึ้นไปถึงแล้วก็รีบหาลูกหาบล่ะ เพราะจะหนาวเหน็บแบบไม่ทันรู้ตัวเลย เอากลับมาใส่แทบไม่ทันส่วนไฟฉายส่องกบ ไกด์เตรียมให้ไม่ต้องเตรียมไปนะคะ

ขาลงแล้วจ้า ฝนตก ระยะทางไกล วิ่งทำเวลา อ้วก!!

   

จั่วหัวมาซะน่ากลัวเลย แต่ก็ตามนั้นแหละค่ะ
เอาล่ะ คืนนี้เราจะไปนอน Ghandruk กันนะ ระยะทางไกลมาก ไกลกว่าทุกวัน
นอกจากจะไกลแล้ว ยังต้องเดินขึ้นเขา เดินลงเขา แล้วก็เดินขึ้นเขา เดินลงเขา ตลอดทาง
มันจะเจ็บปวดมากตอนที่เดินลงเขามาลูกนึงแล้วเห็นเสื้อคนแว่บๆ อยู่บนเขาอีกลูกที่อยู่ตรงหน้า หมายความว่า…นี่เราต้องเดินขึ้นเขาลูกนี้อีกเหรอเนี่ย เมื่อไหร่จะถึง จะตายอยู่ตรงนี้แล้วนะ

      

เอาน่า..มาแล้วอย่าบ่น บอกตัวเองแล้วเดินต่อไป แต่มันไม่ใช่แค่นั้นนะ ถ้าเราทำเวลาไม่ได้ เราจะถึงที่พักค่ำ นั่นคือเราจะต้องเดินในป่าตอนกลางคืนและไม่มีไฟฉาย ไม่น้าาา เอาจริงเรากลัวการเดินป่ากลางคืนมาก ตกบ่ายฝนก็ดันมาตกอีก ทุกคนเลยวิ่ง ยังไงดีเรา เค้าวิ่งกันได้ เราก็ต้องวิ่งได้สิ

เราตัดสินใจวิ่งลุยฝน วิ่งเหยาะๆ ตั้งแต่บ่ายไม่มีหยุด จนถึงที่พักตอนหกโมงเย็น
ฟิตไปมั้ย?? ก็ถามตัวเองอยู่นะ ตอนนั้นคิดแค่ว่าไม่อยากเป็นตัวถ่วงคนอื่นเลยวิ่งด้วย

สุดท้าย เออ..ก็วิ่งได้นี่ แต่ไปถึงเท่านั้นแหละ อ้วกค่ะ อ้วกจริงๆ ไม่สบาย ไข้ขึ้น นอนเลย เป็นอันจบสำหรับวันแสนอันโหดร้ายของเรา (คนเดียว)

เดี๋ยวมาต่อ Ghandruk ให้นะ บอกเลยมันสวยมาก

เที่ยวเนปาล ตอนที่ 1

ตังค์นิดเดียว ก็เที่ยวได้ >>> เที่ยวเนปาล ตอนที่ 1 | เดินทาง Shopping พายเรือ กินเบียร์ นอน

ขั้นตอนเตรียมตัวของเรา หลังจากตกลงปลงใจว่าไปได้ชัวร์ๆแล้ว เพราะต้องลางานหลายวัน

(ภาพจาก google)

อันดับแรกเลย : ซื้อตั๋ว เราจองตั๋วแอร์เอเชีย ไปต่อเครื่องแอร์เอเชียเอ๊กซ์ของมาเลเซีย (ตอนซื้อยังไม่มีของไทย) ราคา 15,000 บาท ไม่รวมค่ากระเป๋าอีก 20 กก. แนะนำว่าถ้าใครไปเป็นคู่ ก็จัดกับคู่ของเรา เพราะกระเป๋าแบ๊คแพ๊คน้ำหนักจะเบาใส่ยังไงก็ไม่ถึง 20 กก. แน่นอน แถมยังถือขึ้นเครื่องได้อีกคนละ 7 กก. เพื่อนบางคนในทริปจองช้า ตั๋วขึ้นราคาอย่างน่าตกใจ ต้องฝากกายฝากใจไปการบินไทย ข้อดีคือบินตรงค่ะ แต่งแพงหน่อย แพงกว่าพวกเรา 6,000 บาทเอ๊ง

อ้อ..ถ้าบินของมาเลเซีย อย่าลืมแลกเงินมาเลไปเผื่อซื้ออะไรทานเล่นระหว่างรอ หรือตอนอยู่บนเครื่อง ไม่งั้นต้องทนดมกลิ่นอาหารตอนที่ผู้โดยสารเกือบทั้งลำสั่งอาหารมาทานกันนะคะ จะหาว่ากัสจิไม่เตือน

ต่อมา : เลือกเส้นทาง Trekking ค่ะ การขึ้น Poonhill มีหลายเส้นทาง แล้วแต่วันว่าเราอยากขึ้นทางไหน และใช้เวลากี่วัน พวกเราเลือกเส้น….Nayapul, Ulleri, Ghorepani, Poon Hill, Ghandruk และกลับมา Nayapul ใช้เวลาเดินขึ้น 2 วัน เดินลง 2 วัน เป็น 4 วันเต็มๆ

ลืมไปเลยค่ะ…ขั้นตอนการคัดเลือกผู้ร่วมทริป ขั้นตอนนี้แนะนำว่าควรเป็นคนที่อยากไปอยู่แล้ว หาข้อมูลมาบ้าง เพราะการ Trekking ถ้าไม่ชอบ ร่างกายไม่ฟิตนี่จะไม่สนุกเอาซะเลย และที่สำคัญ ขอคนที่พร้อมลุยกะเรานะคะ เราโชคดีไปกัน 10 คน แต่ไม่มีปัญหาหมางใจกันกลับมา
ทุกคนสู้มาก ประทับใจค่ะ

เมื่อได้เส้นทางและผู้ร่วมทางแล้ว ก็ไปขอวีซ่ากันค่า ไปเนปาลต้องมีวีซ่านะคะ แต่ไม่ต้องไปเองก็ได้ค่ะ ฝากเพื่อนที่ว่างได้ และทริปนี้ก็คือเราเอง ใช้เวลาอนุมัติวันเดียวค่ะ ค่าเสียหาย 875 บาท อยู่ได้ 15 วัน พวกเราอยู่เนปาล 7-8 วัน เหลือๆค่ะ หรือใครไม่สะดวกจริงๆ ก็มี Visa on arrival นะคะ แต่แถวยาวมากไม่แนะนำค่ะ

ถึงแล้วค่า ถึง Kathmandu ถึงซะที
เป็นสนามบินที่นี่น่ากลัวและหลอนมาก มากแค่ไหนลอง search google ดูโหดจริงๆค่ะ เค้าห้ามถ่ายรูป เราก็แอบถ่ายนะ แต่ไม่กล้าลง

ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองมาได้ก็ไปเอากระเป๋า แล้วก็ไปซื้อซิม Local เอาไว้โทรและเล่นเน็ต ขาดไม่ได้อะ social เนี่ย

เค้าท์เตอร์อยู่ตรงทางออกสนามบินเลยค่ะ เลยจุดแลกเงินนิดเดียว (แลกไปนิดเดียวก่อนนะคะ เดี๋ยวไปแลกในเมืองเอา rate ดีกว่าค่ะ)

เราเลือกใช้เครือข่ายเจ้า Ncell ค่ะ สีม่วงๆนะคะ ส่วน Package แล้วแต่เลือกเลยค่ะ จะเป็นซิมแบบเติมเงินค่ะ สามารถเลือกได้ว่าจะใช้เน็ตเท่าไหร่ โทรเท่าไหร่ มีตารางภาษาอังกฤษให้ ก็จิ้มๆเอา แล้วน้องพนักงานก็จะเอาซิมให้ ใส่ให้ด้วยเลยก็ได้อะ ตอนนั้นเพิ่งใช้ Note3 ใส่ซิมไม่เป็น คุณน้องจัดให้ได้หมด ตั้งค่าให้ คนละ 2 นาที เป็นอันจบเรื่อง

เข้าเรื่องกันดีกว่า จากสนามบินจะเข้าไปที่พักทาเมลยังไงดี??
เราให้โรงแรมส่งรถมารับค่ะ ไม่เสียค่าใช้จ่าย อันนี้ขึ้นอยู่กับข้อตกลงของโรงแรม ถ้าไม่ได้ก็ลองอ้อนเอานะคะ คนเนปาลีก็ใจดีอยู่นา

คนที่มารับจะถือป้ายชื่อของเรา ยืนรออยู่หน้าสนามบิน เราก็แค่เดินหาชื่อตัวเอง จะรู้สึกสวยมากตอนเดินผ่านป้ายชื่ออื่นๆ คนมารับเราก็ยืนซะปลายแถวเลย ไอ้เราก็สายตาสั้นต้องเดินเข้าไปดูใกล้ ก็เขินบ้างนิดๆค่ะ

ถึงโรงแรมเอาของเก็บ ใส่ jacket ซะหน่อย ยิ่งดึกยิ่งหนาว (เราไปช่วงสงกรานต์) แล้วก็เดินไปย่านทาเมล ซึ่งก็เหมือนข้าวสารบ้านเรา แวะแลกเงิน (ถ้าจำไม่ผิดยิ่งเดินเข้าไปลึกๆ rate จะยิ่งไม่ดีนะคะ) แล้วก็มุ่งหน้าไปทำภารกิจที่ทำเป็นประจำทุกทริป นั่นคือ…ทดสอบคุณภาพเบียร์ของแต่ละประเทศ แล้วกลับมานอนเอาแรง พรุ่งนี้ต้องออกเดินทางไป Pokhara แต่เช้า

เช้าแล้ววว …

ออกเดินทางไป Pokhara แต่เช้า โดยรถตู้ส่วนตัว พวกเราลงมติเลือกเที่ยวแบบมีไกด์
ไกด์ของเราชื่อ Dipak สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดี ข้อมูลแน่นปึ๊ก ใจดี ซื่อสัตย์ ประหยัด อดทน
Dipak เคยเป็นลูกหาบมาก่อนและ level up มาเป็นไกด์ในภายหลัง เรามีรูปมาให้ดูด้วยนะ Dipak ของเรามาพร้อมลูกหาบอีก 3 คน สำหรับหาบของของคน 9 คน (เราไปกัน 10 คนนะแต่มีคนนึงอยากลองของและหาบเองจ้า)

หลายคนสงสัยของ 9 คนต่อลูกหาบตัวจิ๋วๆ 3 คน ประหยัดไปมั้ยคะพี่
ตอบ…พวกเรารวมของกัน เอาไปเท่าที่จำเป็น ที่เหลือฝากไว้ที่โรงแรมใน Pokhara ค่ะ
ค่าเสียหาย 150$ ต่อคนถ้าจำไม่ผิด ราคานี้รวมค่าเดินทางไปกลับ ค่า License ในการ Trekking ค่าที่พักระหว่างการเดิน ค่าจ้างไกด์ ค่าแรงลูกค้า ไม่รวมทิปนะคะ โปรดเตรียมไปด้วย ที่นี่ให้น้อยมีงอนอะ
จะบอกว่าหากต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายลงอีก สามารถเลือกลูกหาบที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ แล้วไปทิปเค้าหนักๆเอาก็ได้ค่ะ

ใช้เวลาเดินทางไป Pokhara ราวๆ 7 ชั่วโมงก็ถึงค่ะ จริงๆระยะทางไม่ได้ไกลมากนะคะ แต่ถนนเป็นแบบ 2 เลนเล็กๆวิ่งสวนกัน วิ่งอย่างซิ่งเลยค่า จะเห็นรถตกข้างทางอยู่ตลอดทางตามภาพ (ถ้ามีเวลาจำกัดและมีงบเยอะ นั่งเครื่องบินภายในประเทศไปก็ได้นะคะ 30 นาทีก็ถึงค่ะ
ค่าตั๋วประมาณ 70$ ค่ะ หากมีโอกาสไปอีกเราก็ว่าจะลองนั่งเครื่องบินดูเหมือนกัน)

7 ชั่วโมงของเรา ก็มีแวะกินข้าว เข้าห้องน้ำ ไม่ต้องห่วง แถมยังได้ชิมอาหารท้องถิ่นอีกด้วย โดยเฉพาะชา เราจัดกลับไทยมาซะเยอะเลย เด็ดจริงๆ 

       

พูดถึงเนปาลแล้วเปรี้ยวปากอยากกินแตงกวาคลุกฝุ่น คือ ระหว่างนั่งรถไปและกลับ Kathmadu-Pokhara จะมีช่วงแวะเติมน้ำมัน แล้วจะมีชาวเนปาลี เดินมาเคาะกระจกขายแตงกวา…
อ่านไม่ผิดค่ะ แตงกวาจริงๆ แตงกวาผลใหญ่ๆยาวๆ ผ่าครึ่งแล้วปาดด้วยซอส
(น่าจะเป็นพริก เกลือ และอะไรอีกก็ไม่แน่ใจ) แต่อร่อยดี แม้จะเคลือบด้วยฝุ่นก็ตาม
ถนนหนทางที่นั่นเรียกได้ว่าฝุ่นตลบค่า แต่กินมั้ย กินสิคะ ฟินจริงๆ

ถึง Pokhara เข้าที่พัก เห้ยยย มันดีอะ ห้องกว้าง สะอาดมาก มองเห็นเทือกเขา Annapurna เลยสวยมาก เก็บรูปวิวจากที่พักมาฝากด้วย (ไปดูด้วยตาจะสวยกว่านี้อีก)

จากที่พัก เราสามารถเดินไปเที่ยวในเมือง Pokhara ได้เลย ระหว่างทางจะมีของขายเพียบ เสื้อผ้า อาหาร และอุปกรณ์สำหรับ Trekking ครบทุกสิ่งอย่าง มีทั้งแบบให้เช่า และขายขาด เปรียบเทียบราคาแล้วพวกเราก็ซื้อไปเลย โดยเฉพาะไม้ค้ำนี่ต้องมีเลยนะคะ ได้ใช้คุ้มแน่ๆ ซื้อเลยอย่าเสียดายค่ะ อย่าลืมต่อหนักๆเลยนะคะ

พวกสร้อยที่ทำจากหินที่ฮิตๆกันที่บ้านเรา ซื้อจากที่นี่ได้เลยค่ะ ไม่แพง มีแบบให้เลือกอย่างเยอะ ซื้อบนเขาจะแพงกว่า แบบให้เลือกก็น้อยด้วย

เดินไปเรื่อยๆก็ถึงวัดกลางน้ำ ต้องพายเรือไปค่ะ แต่พวกเราไม่ค่อยอินกับวัดซักเท่าไหร่ เลยพายเล่นรอบๆ จำราคาไม่ได้ค่ะ แต่ไม่แพง พอพายเรือจนเหนื่อยก็คอแห้ง วันนี้เลยสั่งมาลอง 2 ยี่ห้อ (ได้ข่าวว่าคืนก่อนก็ลองมาแล้ว) คือ Nepal Ice กับ Everest ส่วนตัวเทคะแนนให้ Everest นะ เราว่าอร่อยดี ซื้อเป็นกระป๋องกลับมาไทยด้วย ติดใจค่ะ

กินกันจนพรอาทิตย์ตกก็เดินไปงานประจำปี เหมือนจะตรงกับวันปีใหม่ของที่นั่น จัดงานใหญ่โตเลย มีการเก็บตั๋วเข้างาน มีของกินขาย คอนเสิร์ตก็มี อารมณ์งานวัดบ้านเรา เครื่องเล่นต่างๆคนต่อคิวเพียบ ตอนแรกจะลองชิงช้าสวรรค์ เดินไปเห็นอ้าวววว ไม่มีประตูปิด แถมยังหมุนด้วยความเร็วสูงเป็นอย่างมาก มองหน้ากันไปมาไปเล่นอย่างอื่นกันดีกว่า สรุปไปจัด tattoo กันมาคนละลายสองลาย ล้างออกยากมาก ติดอยู่ตลอดทริป เสร็จแล้วแวะซื้อขึ้นไปกินต่อนิดหน่อย แล้วก็นอน