ตังค์นิดเดียว ก็เที่ยวได้ >>> เที่ยวเนปาล ตอนที่ 2 | Go go go…Poonhill
Day 1 Poonhill Trekking (Finally)
ออกเดินทางแต่เช้าไป Nayapul ระหว่างทาง Dipak พาไปแวะจุดชมวิวถ่ายรูปสวย ใจดีที่สุด
ไม่สิๆ รู้ใจที่สุดอะ
Nayapul เป็นจุดแรกที่ต้อง Check point เพื่อลงทะเบียนเดินขึ้นเขาค่ะ (ต้องเตรียมรูปถ่าย 2 นิ้วฉากขาวไปด้วยนะคะ) เราไม่ต้องทำอะไรไกด์จะจัดการให้เอง แค่อยู่เฉยๆแล้วถ่ายรูปไป ที่สำคัญกินให้อิ่ม เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย เราจะไปกันแล้ววว
เริ่มออกเดินทางกันด้วยรอยยิ้มที่สดใส เดินไปซักชั่วโมงสิคะ “Can I change my mind?” “Please leave me here” หรือว่า “เปลี่ยนใจทันมั้ย Dipak” นี่เป็นประโยคฮิตเลย เพราะระหว่างทางมันมีทั้งทางเรียบ ทางขึ้นเขา ทางหิน ทางน้ำนิดหน่อย แต่มันมีแต่ขึ้นแล้วก็ขึ้น เอาซี๊ มาดูกันว่าใครจะขอกลับก่อน โอยยยย.. ยากจะบรรยายค่ะ โดยเฉพาะหินหฤโหดช่วงสุดท้ายก่อนถึงที่พัก เราอยากจะขอ Dipak นอนมันตรงหินนี่แหละ แล้วมาเจอเด็กน้อยเนปาลีวิ่งแซงแล้วตดใส่อีก บ้าไปแล้วค่าา
ช่างตดมันเถอะค่ะ คืนนี้เราจะไปนอนกันที่ Ulleri กันนะ โอเคอยู่ นอนได้ อาบน้ำได้ อาหารอร่อยเพียงแต่มันไม่ถูกปากเราเอาซะเลย เราเลยใส่ทาคูมิที่เอามา และใส่หอยกระป๋องเข้าไปอีก ไกด์งอนเลยค่ะ ประมาณว่าแกต้องกินให้ได้สิ แกกินได้ชั้นก็ได้เงินนะ แล้วมันเหมือนดูถูกว่าของเค้าไม่ดีไม่อร่อย อือๆๆ กินก็กินวะ บอกตัวเอง (มื้ออื่นๆเลยแอบใส่ อย่าให้ไกด์รู้) กินข้าวเสร็จ กินเบียร์ต่อ แล้วแยกย้ายไปนอน พรุ่งนี้เดินขึ้นอีกยาวไกลนะจ๊ะเด็กๆ ฝนอาจจะตกด้วย
Day 2 Go to Ghorepani !!!
ตื่นเช้ามาก (ทุกวัน) วันนี้ทางราบเยอะหน่อย ร่มไม้ก็เยอะด้วย ดีจัง..
เตรียมตัวกันเรียบร้อยก็ออกเดินทางสู่ Ghorepani วิวสวยขึ้นไปอีก เห็นแก๊งส์ Annapurna ชัดขึ้นไปอีก สุดๆละ หลายคนเริ่มบ่นปวดขาแล้ว แต่เรายังไหวอยู่ เพราะเดินเรื่อยๆ ด้วยความเร็วคงที่ ไม่เร่งสปีดใดๆ (เคล็ดลับจาก Dipak)
เดินไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็แวะกินขนม สนุกๆอยู่ดีๆ ฝนตกจ้า เอาแล้วไงลืมเสื้อกันฝนได้ไง เราโชคดีเจอคนไทยใจดี แบ่งเสื้อกันฝนมาให้ด้วย ขอบคุณมากๆเลยค่า แล้วก็เดินต่อไป
การเดิน Trekking ที่นี่ จะมีแวะให้ทานอาหารตอนเที่ยงและให้เราได้พัก เวลาแวะเราก็จะเอาขวดน้ำที่เราพกไปเติมน้ำจากร้านอาหาร หรือร้านค้าก็ได้มีตลอดทาง เป็นน้ำต้มค่ะ ราคาจะแพงขึ้นไปเรื่อยๆ ประมาณว่ายิ่งสูงยิ่งแพง ก็เข้าใจอยู่นะ ตอนซื้อที่ภูกระดึงเผลอๆแพงกว่าอีก ที่นี่ครั้งนึงที่จำราคาได้ก็ 80 บาท น้ำจะหมดเร็วโดยไม่รู้ตัวเพราะมันเหนื่อยมาก แนะนำว่าพกเกลือแร่ไปด้วยไว้จิบๆระหว่างทาง ช่วยได้จริงๆค่ะ ขนมขมเคี้ยวก็จำเป็นนะ…เราขนไปเยอะมาก แต่ก็กินจนหมด
อาหาร..เอาจริงๆก็ไม่ถูกปากเรานะ แต่เพื่อนๆในทริป โดยเฉพาะผู้ชายจะกินเยอะมากๆ เราเลยใช้สูตรทาคูมิเหมือนเดิม อ้อ อาหารตกจานละร้อย ที่ถูกหน่อยจะเป็นมาม่า (อร่อยสุดละ)ข้าวจะได้เยอะมาก กินสองคนบางทีไม่หมด พวกผู้ชายกินหมดอีกตามเคย
ห้องน้ำ..มีเรื่อยๆ ตามที่พักหรือร้านอาหาร ขอเข้าได้นะ ส่วนใหญ่คนที่นี่ใจดี อาจดูไม่สะอาดเท่าบ้านเรา แต่ถือว่าได้อยู่
>>> กลับมา Ghorepani กันต่อ <<< เดินฝ่าสายฝนในดงป่าไปเรื่อยๆตกเย็นก็ถึงที่พัก โดยจะมีเพียงไกด์ที่เดินไปพร้อมกับเรา ลูกหาบจะไปถึงที่พักก่อน วางของแล้วก็เดินกลับมาหาเราช่วยแบ่งของที่อยู่ในมือไปหาบอีก อยากจะบอกว่า….ลูกหาบโคตรฟิตอะ
ที่พักของเราคืนนี้ ได้อารมณ์ Local สุดๆ ไม่มีฮีทเตอร์ค่ะ แต่เป็นท่อสังกะสีที่ต่อตรงขึ้นมาบนห้องนอน ที่ชั้นหนึ่งจะมีการต้มน้ำไว้ เพื่อให้ไอความร้อนเคลื่อนตัวผ่านท่อที่ว่า แล้วเราก็จะได้รับไออุ่นบางเบาจากท่อนั่นเอง
ถึงที่พัก พวกเราก็….ถ่ายรูป อาบน้ำ ถ่ายรูป กินข้าว แล้วถ่ายรูปต่อ ก็วิวมันดี ถ่ายไปเหอะ ซักพักพายุลูกเห็บเข้าค่าาา ฝนตกกระหน่ำ ยังไงล่ะ ยังไงดี Poonhill พรุ่งนี้ของเรา Dipak บอกว่าถ้าฝนตก Poonhill อาจเห็นไม่ชัด คือแปลว่าอะไรคะ เดินมา 2 วัน 2 คืน อาจจะไม่ได้เห็น คือ??? ทำอะไรไม่ได้ มาสวดมนต์ภาวนากันค่ะพวกเรา
ตื่นตั้งแต่ตีสามหรือตีสี่นี่แหละ จำไม่ได้ค่ะ จำได้แค่ไม่แปรงฟัน ไม่ล้างหน้า ไม่เติมคิ้ว เติมปากใดๆ คว้าเสื้อผ้า กางเกง เสื้อหนาว ถุงมือ ถุงเท้า ผ้าพันคอ หมวก สวมทับๆ พันๆ มันเข้าไป
ตอนเช้ามืดจะหนาวมากค่ะ ยิ่งบน Poonhill นี่ไม่ต้องพูดถึง เป็นยอดเขาลมโกรกมาแบบเย็น
ยะเยือก นิ้วตอนที่ถอดถุงมือมากด shutter นี่ชาไปหมด นิ้วแทบจะขาดซะให้ได้ ขานี่ไม่ต้องพูดถึงก้าวไม่ออก ยิ้มไม่ออก
จากที่บรรยายมาทั้งหมดอย่าเพิ่งตกใจนะ มันลบล้างได้ด้วยความสวยของ Annapurna แบบ Panorama View บนยอด Poonhill จริงๆ ดูจากรูปเอาเองเลยจ้าาา
การแต่งกายขึ้น Poonhill…ไม่มีอะไรมากแค่กันหนาวกันลมได้ก็พอ
เดินขึ้นไปเรื่อยๆจะเริ่มร้อนก็ถอดและฝากลูกหาบไว้ก่อน ขึ้นไปถึงแล้วก็รีบหาลูกหาบล่ะ เพราะจะหนาวเหน็บแบบไม่ทันรู้ตัวเลย เอากลับมาใส่แทบไม่ทันส่วนไฟฉายส่องกบ ไกด์เตรียมให้ไม่ต้องเตรียมไปนะคะ
ขาลงแล้วจ้า ฝนตก ระยะทางไกล วิ่งทำเวลา อ้วก!!
จั่วหัวมาซะน่ากลัวเลย แต่ก็ตามนั้นแหละค่ะ
เอาล่ะ คืนนี้เราจะไปนอน Ghandruk กันนะ ระยะทางไกลมาก ไกลกว่าทุกวัน
นอกจากจะไกลแล้ว ยังต้องเดินขึ้นเขา เดินลงเขา แล้วก็เดินขึ้นเขา เดินลงเขา ตลอดทาง
มันจะเจ็บปวดมากตอนที่เดินลงเขามาลูกนึงแล้วเห็นเสื้อคนแว่บๆ อยู่บนเขาอีกลูกที่อยู่ตรงหน้า หมายความว่า…นี่เราต้องเดินขึ้นเขาลูกนี้อีกเหรอเนี่ย เมื่อไหร่จะถึง จะตายอยู่ตรงนี้แล้วนะ
เอาน่า..มาแล้วอย่าบ่น บอกตัวเองแล้วเดินต่อไป แต่มันไม่ใช่แค่นั้นนะ ถ้าเราทำเวลาไม่ได้ เราจะถึงที่พักค่ำ นั่นคือเราจะต้องเดินในป่าตอนกลางคืนและไม่มีไฟฉาย ไม่น้าาา เอาจริงเรากลัวการเดินป่ากลางคืนมาก ตกบ่ายฝนก็ดันมาตกอีก ทุกคนเลยวิ่ง ยังไงดีเรา เค้าวิ่งกันได้ เราก็ต้องวิ่งได้สิ
เราตัดสินใจวิ่งลุยฝน วิ่งเหยาะๆ ตั้งแต่บ่ายไม่มีหยุด จนถึงที่พักตอนหกโมงเย็น
ฟิตไปมั้ย?? ก็ถามตัวเองอยู่นะ ตอนนั้นคิดแค่ว่าไม่อยากเป็นตัวถ่วงคนอื่นเลยวิ่งด้วย
สุดท้าย เออ..ก็วิ่งได้นี่ แต่ไปถึงเท่านั้นแหละ อ้วกค่ะ อ้วกจริงๆ ไม่สบาย ไข้ขึ้น นอนเลย เป็นอันจบสำหรับวันแสนอันโหดร้ายของเรา (คนเดียว)
เดี๋ยวมาต่อ Ghandruk ให้นะ บอกเลยมันสวยมาก